Header Ads

ad728
  • Breaking News

    ต้นมะขามป้อม



    มะขามป้อม สรรพคุณ และการปลูกมะขามป้อม

    2938
    มะขามป้อม (Indian gooseberry) เป็นจัดเป็นผลไม้ป่าที่นิยมนำผลมารับประทานทั้งในรูปผลสดหรือแปรรูปเป็นผลไม้ดอง ผลไม้แช่อิ่ม เนื่องจาก ผลมีสารสำคัญหลายชนิดที่ออกฤทธิ์ทางยาในการรักษาโรค รวมถึงมีคุณสมบัติใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง เพื่อลดริ้วรอย ลดรอยฝ้า และจุดด่างดำได้
    อนุกรมวิธาน
    • วงศ์ : Euphorbiaceae
    • สกุล : Phyllanthus
    • จำนวนโครโมโซม 2n = 98 : n = 49, 2n = 104 : n = 52
    • ชื่อวิทยาศาสตร์ : Phyllanthus emblica L.
    • ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ : Emblica offcinalis Gaertn.
    • ชื่อสามัญ :
    – Aonla
    – Indian gooseberry
    – Emblic myrablan
    – Malacca tree
    • ชื่อท้องถิ่น :
    – มะขามป้อม (ทุกภาค)
    – หมากขามป้อม (อีสาน)
    – กันโตด (เขมร – จันทบุรี)
    – กาทวด (ราชบุรี)
    – มั่งลู่ และสันยาส่า (กะเหรี่ยง – แม่ฮ่องสอน)
    มะขามป้อม
    การแพร่กระจาย
    มะขามป้อม เป็นพืชท้องถิ่นไทย มีถิ่นกำเนิดในเอเชีย พบมากในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศอินเดีย โดยพบขึ้นมากตามป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง และป่าดิบเขาในทุกภาค โดยเฉพาะภาคเหนือ และอีสาน
    ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
    ลำต้น
    มะขามป้อมเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง และเป็นไม้ชนิดผลัดใบ ลำต้นสูงประมาณ 8 – 18 เมตร ลำต้นแตกกิ่งน้อยทำให้มีทรงพุ่มค่อนข้างโปร่ง มีลำต้น และกิ่งพุ่งตรง สูงชะลูด ลำต้นมีเปลือกสีน้ำตาลอมเทาเล็กน้อย ผิวลำต้นค่อนข้างเรียบ และสามารถลอกออกเป็นแผ่นได้ ส่วนเนื้อไม้ค่อนข้างเหนียว เนื้อไม้มีสีแดงอมน้ำตาล
    ใบ
    ใบมะขามป้อม เป็นใบประกอบแบบใบคู่ คือ ใบสุดท้ายเป็นใบคู่ คล้ายกับใบมะขาม แต่ใบมะขามป้อมมีจำนวนใบย่อยมากกว่า และใบย่อยเรียวยาวกว่า โดยใบมะขามป้อมจะแทงออกตามกิ่งเป็นคู่ๆ ตรงข้ามกัน ใบมีก้านใบหลัก ยาว 10-20 เซนติเมตร และมีใบย่อยเรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ จำนวน 20-30 คู่ ยอดอ่อนมีสีแดงอ่อน เมื่อแก่มีสีเขียวสด
    ใบย่อยแต่ละใบมีลักษณะเรียวรี ขนาดกว้างประมาณ 3-4 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 15-20 มิลลิเมตร แผ่นใบ และขอบใบเรียบ ปลายใบมน ใบมีสีเขียวสด โดยใบมะขามป้อมจะเริ่มร่วงตั้งแต่เดือนธันวาคม และจะผลิยอดอ่อนใหม่ในช่วงเดือนมีนาคม
    ดอก
    ดอกมะขามป้อมแทงออกเป็นดอกเดี่ยว ออกเป็นกระจุกตามก้านใบหรือซอกใบ 3 – 10 ดอก ดอกมีขนาดเล็ก มีสีขาวอมเหลือง เป็นดอกเพศผู้ และเพศเมียแยกดอกกัน แต่อยู่บนต้นเดียวกัน และแต่ละต้นจะมีดอกเพศผู้มากกว่าดอกเพศเมีย จึงพบว่า แม้จะมีดอกมากแต่บางครั้งอาจไม่ติดผลมาก ดอกทั้งสองเพศมีกลีบรองดอก 6 กลีบ โดยดอกเพศผู้มีฐานรองดอกเป็น 6 แฉก และมีเกสร 3 อัน ส่วนดอกเพศเมีย มีฐานรองดอกเป็นรูปถ้วย และมีรังไข่ 3 ช่อง
    ดอกมะขามป้อม
    ผล และเมล็ด
    ผลมะขามป้อมมีลักษณะทรงกลมหรือกลมแบนเล็กน้อย มีสีเขียวอ่อนเมื่อยังอ่อน และเมื่อสุกมากจะมีสีสีเขียวอมเหลือง ขนาดผลประมาณ 2-3 เซนติเมตร มีเปลือกผล และเนื้อผลเป็นส่วนเดียวกัน โดยมีเนื้อผลหนา 5-7 มิลลิเมตร สีขาวอมเหลือง และมีเส้นใยเล็กน้อยที่แทงออกมาจากเมล็ด เนื้อหุ้มเมล็ดส่วนนี้ เป็นส่วนที่ใช้รับประทาน มีลักษณะแข็งกรอบ และฉ่ำน้ำ เนื้อให้รสเปรี้ยวอมฝาดเล็กน้อย
    ถัดมาในสุด เป็นเมล็ดที่ลักษณะคล้ายรูปหยดน้ำ มีฐานเมล็ดใหญ่ และค่อยเรียวในส่วนปลาย ขนาดกว้างประมาณ 3-4 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 5-7 มิลลิเมตร เปลือกเมล็ดมีสีเขียวเข้ม มีเนื้อแข็ง และหนามาก แบ่งเป็น 2 ชั้น แบ่งมี 3 พู แต่ละพูมี 2 เมล็ด รวมหนึ่งผลแล้วมี 6 เมล็ด
    ผลมะขามป้อมในแต่ละพื้นที่จะสามารถเก็บผลได้ในช่วงที่แตกต่างกัน คือ
    – ภาคใต้ มักเก็บผลได้ในช่วงเดือนกรกฎาคม – สิงหาคม
    – ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มักเก็บผลได้ในช่วงเดือนเดือนตุลาคม – พฤศจิกายน
    – บนดอยสูงในภาคเหนือ มักเก็บผลได้ในช่วงเดือนเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม
    มะขามป้อม1
    ประโยชน์มะขามป้อม
    1. มะขามป้อมนำมารับประทานสด ให้รสเปรี้ยวอมฝาด และรสจัดมาก จึงต้องจิ้มเกลือจึงจะดี
    2. ผลมะขามป้อมนำมาแปรูปเป็นมะขามป้อมดองและมะขามป้อมแช่อิ่ม เป็นต้น
    3. ผล และใบใช้ผสมในตำรับยาสมุนไพรหรือรับประทานเพื่อประโยชน์ในด้านสมุนไพร
    4. ลำต้นขนาดเล็ด และกิ่งนำมาทำโครงดักจับปลา เช่น สวิง เพราะเนื้อไม้เหนียว สามารถโค้งงอได้ง่าย
    5. เปลือก และใบ ใช้ต้มย้อมผ้า ให้สีน้ำตาลแกมเหลือง และหากผสมเกลือจะให้สีน้ำตาลอมดำ และหากย้อมเสื่อด้วยเปลือกจะได้สีดำ
    6. ลำต้น และกิ่งนำมาทำฟืน
    7. ต้นมะขามป้อมตามป่าหรือตามหัวไร่ปลายนา จัดเป็นอาหารสำหรับสัตว์ป่า
    8. ชาวฮินดูนิยมใช้ใบมะขามป้อมสำหรับประกอบพิธีกรรมทางศาสนา

    ไม่มีความคิดเห็น

    Post Top Ad

    ad728

    Post Bottom Ad

    ad728